ไก่ถูกจัดให้เป็นสัตว์ประเภทเดียวกับนกทั้งหลาย โดยในทางสัตวศาสตร์จัดให้อยู่ในจำพวกเอเวส (Aves มาจากภาษาลาติน avis แปลว่า นก) ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายเหล่า (Order) และวงศ์ (Families) ตามลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป ไก่อยู่ในเหล่าแกลลิฟอร์ม (Galliforms) พวกเดียวกันกับไก่ป่า ไก่ฟ้า นกยูง ไก่งวง
แหล่งต้นตระกูลของไก่ป่านั้น อยู่ในแถบทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในถิ่นต่าง ๆ เหล่านี้ มีไก่ป่า 4 ชนิด เป็นสัตว์ของท้องถิ่นนั้น ๆ ได้แก่
1. ไก่ป่าแดง (Red Junglefowl) อยู่ในตระกูล Gallus gallus แบ่งออกเป็นชนิดย่อยได้ 5 ชนิด และมีอยู่ 2 ชนิดที่มีในประเทศไทย คือ ไก่ป่าตุ้มหูขาว หรือ ไก่ป่าอีสาน ลักษณะมีตุ้มหูสีขาว พบทั่ว ๆ ไปทางจังหวัดภาคอีสานและภาคตะวันออก ตั้งแต่ระยองเลียบชายแดนเขมรไปจนถึงอุบลราชธานี อีกชนิดหนึ่ง คือไก่ป่าตุ้มหูแดง หรือไก่ป่าแดงพันธุ์พม่า ลักษณะเหมือนชนิดแรก แต่มีตุ้มหูสีแดงในประเทศไทยมีทางภาคใต้ ภาคตะวันตก เรื่อยไปจนถึงภาคเหนือ นอกนั้นมีในประเทศพม่า และสุมาตราตอนเหนือ
2. ไก่ป่าศรีลังกา (La Fayette’s Junglefow) อยู่ในตระกูล Gallus lsfayettei ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศศรีลังกา ในป่าตั้งแต่ความสูงของระดับน้ำทะเล ไปจนถึงยอดเขาสูงระดับ 6,000 ฟุต ไก่ชนิดนี้ตัวผู้มีสีแดงแทบทั้งตัว โดยเฉพาะหน้าอกและใต้ท้องปลายปีก และหางเป็นสีดำแกมม่วง ตุ้มหูขาว กลางหงอนเป็นสีเหลือง ตัวเมียหน้าอกเป็นลายเลือน ๆ สีน้ำตาล ปลายปีกและหางมีลายแดงชัด
3. ไก่ป่าสีเทาหรือไก่ป่าอินเดีย (Sonnerat’s Junglefowl) อยู่ในตระกูล Gallus sonnerati กำเนิดในแถบอินเดีย ตามป่าเชิงเขาถึงบนภูเขาสูงในภาคกลางของประเทศ ลงไปถึงทางใต้ ลักษณะตัวผู้มีขนสร้อยคอกลมมน และมีจุดขาว ๆ ที่หลังและหน้าอก ใต้ท้องเป็นสีเทา มีลายดำตามขอบขน ปลายปีกและหางเป็นสีดำแกมเขียว แข้งสีแดง ตุ้มหูแดง
4. ไก่ป่าเขียวหรือไก่ป่าชวา (Green Junglefowl) อยู่ในตระกูล Gallus varius มีถิ่นกำเนิดในเกาะชวาและเกาะใกล้เคียงชอบอยู่ป่าต่ำใกล้ชายฝั่งทะเล ไก่ป่าชนิดนี้มีลักษณะผิดกับไก่ป่าชนิดอื่น ๆ มีเหนียงอันเดียว หงอนไม่จัก ขนสร้อยคอไม่แหลม และมีขนหางพิเศษอีก 1 คู่
ไก่บ้านปัจจุบันมีบรรพบุรุษมาจากไก่ป่าทั้ง 4 ชนิดดังกล่าวมาแล้ว ตามประวัติศาสตร์ ไก่เริ่มเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์มาได้สัก 5,000 ปีมานี่เอง ในประเทศจีน เลี้ยงไก่กันมาประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว ได้มีผู้นำไก่จากอินเดียไปเลี้ยงในกรุงบาบิโลน เมื่อราว 2,500 ปีล่วงมาแล้ว ราว 100 ปีต่อมาก็แพร่พันธุ์ไปในประเทศกรีซ ในกรุงโรมมีการเลี้ยงไก่มาก่อนคริสต์ศตวรรษ แต่การเลี้ยงไก่เป็นล่ำเป็นสันจริง ๆ ก็เพิ่งมีมาได้สัก 100 กว่าปีมาเท่านั้น สิ่งที่ช่วยให้การเลี้ยงไก่แพร่หลายในสมัยเก่าโน้น ก็คือการชนไก่ ซึ่งเป็นทั้งกีฬาและการพนันที่เป็นสิ่งจูงใจคนทั่วไปยิ่งนัก เนื้อไก่ ไข่ไก่ มีรสชาติและมีประโยชน์สูงต้องการทางอาหารของโลกจึงมีมากขึ้น ประชากรเพิ่มขึ้น ความต้องการทางอาหารของโลกจึงมีมากขึ้น ทำให้มีผู้คิดหาวิธีคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ต่างๆ กันต่อ ๆ มา จนกลายเป็นไก่เนื้อ ไก่ไข่ และไก่ชนที่เห็นกันในปัจจุบัน
สำหรับไก่ชนนั้น เป็นไก่พันธุ์พิเศษแตกต่างไปจากไก่พันธุ์เนื้อ พันธุ์ไข่ หรือพันธุ์อื่น ๆ แม้ว่าต้นกำเนิดดั้งเดิมของไก่บ้านทุกชนิด ทุกพันธุ์จะสืบเชื้อสายมาจากไก่ป่าเหมือนกันก็ตาม แต่มาภายหลังเมื่อเป็นไก่เลี้ยงหรือไก่บ้าน ได้มีการเลือกพันธุ์ เพาะพันธุ์ เพื่อให้ได้ไก่ที่มีลักษณะและคุณสมบัติดีตามจุดประสงค์ที่มนุษย์ต้องการในจำนวนไก่หลาย ๆ พันธุ์เหล่านี้ ก็มีไก่อยู่พันธุ์หนึ่ง เป็นไก่ประเภทนักสู้ ชอบตี ชอบชน คนไทยเรียกว่า ไก่ชน นี่เอง
ไก่ชนนั้น มาจากไก่พันธุ์พื้นเมืองพวกหนึ่ง ที่เรียกว่า “ไก่อู” โดยปกติไก่อูจะมีนิสัยใจคอผิดแผกแตกต่างจากไก่อย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นไก่ตะเภา ไก่แจ้ เป็นต้น ไก่อูเป็นไก่ที่มีรูปร่างประเปรียว แข็งแรง มีนิสัยเป็นนักสู้ ชอบตี ชอบชน บินเก่ง และทรหด การเลือกไก่เพื่อเอาไปชน จะเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อเอาไปเพาะคัดพันธุ์ไก่ชนก็ตาม เลือกจากไก่อูนี่เอง ผู้ที่สนใจและนิยมการชนไก่ ต่างเสาะหาไก่ที่ชนเก่ง ๆ มีการซื้อขายกันด้วยราคาแพง แพงกว่าไก่พันธุ์เนื้อ พันธุ์ไข่ทั่วไปเสียอีก ยิ่งคนนิยมมากขึ้น ก็ยิ่งมีราคาแพงมาก อาชีพการเพาะเลี้ยงและฝึกไก่ชนก็เจริญเติบโต การคัดพันธุ์ ผสมพันธุ์เพื่อให้ได้ไก่ที่เป็นนักต่อสู้ ที่ทรหด แข็งแกร่ง ก็ยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น