ไก่อูพันธุ์แท้

หน้าแรก »ตำราไก่ชน » ไก่อูพันธุ์แท้

ไก่อูไทยจะได้สืบทอดพันธุ์อยู่ในเมืองไทยมานานหลายชั่วอายุคน  แต่รูปทรงของไก่อูก็ยังไม่มีมาตรฐานชี้ลงไปได้ว่า  ต้องมีรูปทรงอย่างนั้น อย่างนี้  น้ำหนักต้องเท่านั้นเท่านี้  เหมือนไก่พันธุ์เนื้อซีพี  ทั้งนี้เพราะเรายังไม่มีสมาคมไก่อูพอที่จะนัดแนะ  กำหนดหลักการผสมและวางมาตรฐานให้เป็นที่แน่นอนได้ฉะนั้น  ไก่อูไทยเวลานี้จึงมีหลายทรงหลายแบบ  แต่พอที่จะดูได้จากลักษณะที่สำคัญ ๆ ดังนี้

สี

ไก่อูสายพันธุ์แท้ดั้งเดิมของไทยมีหลายพันธุ์  พันธุ์ที่นิยมกันมาก  เช่น  เหลืองหางขาว  ประดู่หางดำ  ซึ่งจะเห็นว่าการเรียกชื่อสายพันธุ์ไก่อูของไทย  จะเรียกไปตามลักษณะสีของไก่  นอกจากนี้ยังมีไก่อูสีอื่น ๆ เช่น  ไก่ลายข้าวตอก  ไก่โยดอกหมาก  ไก่ทองแดง ไก่เทา  ไก่เหลืองประทัดเหล็ก  ไก่แดงนกกรด  ไก่เหลืองโนรี  ไก่เขียวหางขาว  ไก่พันธุ์ดังกล่าวนี้เป็นไก่สายพันธุ์แท้แต่โบราณ  นอกนั้นเป็นไก่ที่กลายพันธุ์มาจากพันธุ์เหลืองหางขาว และประดู่หางดำ

ขน

เนื่องจากไก่อูเป็นพันธุ์ไก่นักสู้ตัวฉกาจโดยสัญชาตญาณทุกอย่างในตัวของมันจะต้องอยู่ในลักษณะแกร่ง  ไม่เทอะทะรุ่มร่าม  เช่นไก่พันธุ์อื่น ๆ ไก่อูพันธุ์แท้จะมีลักษณะขนแข็ง  ลักษณะนี้คล้ายกับว่าขนแห้ง ไม่มีลักษณะเป็นขนที่อ่อนนิ่ม  ที่นักเลงไก่ชนเรียกกันว่า “ไก่ขนเปียก”  นั่นเอง  ไก่ที่มีลักษณะเป็นขนเปียกมากที่สุด  ได้แก่  ไก่สีเขียวปีกแมลงภู่  ไก่อูบางพันธุ์ที่มีแข้งขนคล้ายกับไก่ตะเภา  ลักษณะนี้ไม่ใช่ลักษณะของไก่อูพันธุ์แท้

รูปร่างลักษณะ

ไก่อูต้องมีลักษณะปากใหญ่  สั้น  ลักษณะเป็นปากที่แข็งมีสีเหลืองหรือสีขาว  แต่บางตัวก็มีสีดำลายเป็นทาง ๆ ปนอยู่บ้าง  แต่ไม่ควรเกินกว่า 1/4 ของปาก  ตาต้องกลม  นูนเด่น  ไม่ยาวรี  ไก่ที่มีนัยน์ตาลึกแสดงถึงนิสัยไม่ดี  เห็นแก่ตัว  ชอบจิกตีไก่อื่น  ก้านคอต้องใหญ่  แข็งแรง  สังเกตได้จากเสียงที่ขัน  ถ้าขันเสียงใหญ่  เสียห้าว  เสียงทุ้ม  นั้นแสดงว่าเป็นไก่ที่มีลำคอใหญ่  ไก่ที่มีลำคอใหญ่จะได้เปรียบในเชิงเข้าเกี้ยวตีเป็นพิเศษ  เพราะสามารถกดคอคู่ต่อสู้ได้อย่างดีไหล่ต้องมองดูกว้าง  ผึ่งผาย  ไม่เป็นไก่ที่มีไหล่อห่อ  ซึ่งแสดงว่าไม่องอาจขาดความสง่า  ไก่ที่มีลักษณะเอาปีกขึ้นไปห่อไว้บนหลังเวลาเดินเหินเป็นลักษณะที่ไม่ดี ลำตัวต้องมีลักษณะลึก  เวลายืนมีความองอาจ  สง่าด้านหน้าใหญ่แล้วเรียวแหลมไปทางด้านหาง  มองดูคล้ายกับรูปของหัวปลีกกล้วย  ขามีช่วงยาวสมส่วน  แข็งแรง  ไม่ใหญ่จนและดูเทอทะแข้งกลมไม่บิดเบี้ยว  หางพุ่งไม่เป็นลักษณะเป็นบ่วงแบบหางไก่แจ้  ไก่ที่เป็นหางเป็นบ่วงจะมีปัญหาในเวลาเข้าเกี้ยวกับคู่ต่อสู้  เพราะจะทำให้เหยียบหางของตนเอง  จะเสียหลักในการทรงตัว  แพนหางต้องแผ่กว้าง  เพื่อช่วยให้การบินขึ้นตีได้ดี

ขนาดของไก่ชน

โดยทั่ว ๆ ไปเขาแบ่งไก่ชนออกเป็น  3  ขนาด  ตามรูปร่างหรือน้ำหนักตัวไก่  ดังนี้

1. ไก่ขนาดใหญ่  ภาษาไก่ชน  เรียก  “ไก่รอยใหญ่”  น้ำหนักตั้งแต่  3  ก.ก.  ขึ้นไป  จนถึง   4  ก.ก.  เป็นไก่ที่มีขนาดลำตัวใหญ่  ตัวโตได้มาตรฐาน  ปัจจุบันนิยมน้ำหนัก  3.5-4 ก.ก.  เรียกไก่  “ได้รอย”  ได้ขนาด  มีรูปทรง 3 แบบ คือ

  • ทรงล่ำเตี้ย  เป็นไก่ช่วงสั้น  บางครั้งเรียก  ทรงล่ำเตี่้ย  เบี้ยหลังจั่น
  • ทรงสูง  ช่วงตัวยาว ขายาว  ส่วนหัวเรียก  ท้ายเรียว  อกใหญ่  ส่วนกลางตัวใหญ่  มองดูคล้ายปลีกล้วย
  • ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ลำตัวคล้ายลังไม้

2. ไก่ขนาดกลาง  เรียก  “ไก่รอยเล็ก”  น้ำหนักตัวตั้งแต่  2.5  ก.ก.  ถึง  3  ก.ก.  มีทรงเดียว  คือ  “ทรงหงส์”  คือมีลำตัวยาวรูปปลีกล้วย  หัวและคอเชิดตรง  สนับปีกแข้งหนาใหญ่และยาวจนปลายปีกไปจรดกันที่ใต้โคนหาง  หางแข็งยาว  โคนโค้งกระดกขึ้นเล็กน้อย  แล้วปลายหางจึงโค้งลง  ปั้นขาใหญ่  แต่แข้งค่อนข้างยาว  ลำตัวทอด  ท่ายืนผึ่งผาย  เวลาเดินนวยนาดดั่งนักมวยรำมวย  คือเมื่อยกเท้าขึ้นย่างก้าวเดิน  นิ้วทั้ง 3 จะกำ และเท้าลงจะถึงพื้น  จึงจะแบออก  เป็นไก่ที่มีรูปทรงสง่างาม

3. ไก่ขนาดเล็ก  น้ำหนักตั้งแต่  2  ก.ก.  ลงมา  ถึง  1.5  ก.ก.  ถ้าเล็กเบาไปกว่านี้ก็เป็นไก่แคระพันทางอูไปแล้ว  มีรูปทรง  3  แบบ  คือ  ทรงสามเหลี่ยม  สูงเล็กยาว  ขนยาว  หางยาว  ทรงรูปไข่  หางน้อย  สร้อยสั้น  และทรงล่ำแต่เล้ก  หางหก  อกตั้ง

ไก่ชนที่นิยมกันมากมักเป็นไก่รอยใหญ่  ขนาดเล็กมีเหมือนกันแต่มักจะไม่ค่อยได้คู่  แต่ไก่อูขนาดใหญ่จริง ๆ  นั้นก็หายาก  เวลาผสมพันธุ์ก็หาตัวเมียขนาดใหญ่ยาก  จึงมักจะใช้ไก่ขนาดกลางเป็นคู่ผสมลูกที่ออกมาบางทีก็เป็นไก่อูขนาดใหญ่  บางทีก็เป็นขนาดเล็กไม่แน่นอน  การที่นักเลงไก่ชนพยายามเสาะแสวงหาไก่อูพันธุ์แท้  ก็เพื่อจะได้เลือดไก่บริสุทธิ์ลงเหล่า  เพราะไก่อูพันธุ์แท้ ๆ นั้นจะเหนียว  อึด  สูตายคาแข้ง  ส่วนไก่พันธุ์ไม่แท้  หากได้คู่ที่อึดและตีได้รุนแรง  จะถอดใจง่าย ๆ คือ  พอถูกตีเจ็บเข้าไม่กี่ครั้งก็วิ่งหนีเอาดื้อ ๆ เข้าทำนองท่าดีทีเหลว